การเรียนนวดไทยมีต้นตำรามาจากประเทศอินเดีย ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ในครั้งพุทธกาลขณะที่พุทธศาสนากำลังเจริญรุ่งเรือง ภิกษุสมัยได้นำการบำบัดรักษา ด้วยการนวด และสมุนไพร เข้ามาเผยแพร่ยังเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมกับการเผยแพร่ศาสนา พระภิกษุเหล่านั้นได้เข้าใจในที่มาของโรค โรคเกิดจากความไม่สมดุลของ กาย จิต และวิญญาณ พระภิกษุเหล่านั้นได้บำบัดรักษาโรคด้วยพื้นฐานของแพทย์แผนไทยทั้ง 4 ประการ คือ อาหาร สมุนไพร สมาธิ และการนวด การเรียนนวดแบบผสมผสานกับโยคะและอายุรเวท ก็ได้เกิดขึ้นในเวลาต่อมา
ต่อมาการนวดแผนโบราณไม่ได้มีข้อจำกัดเฉพาะในวัดอีกต่อไป แต่หลักปฏิบัติยังคงมีศาสนาเป็นพื้นฐาน หมอนวดเป็นจำนวนมากจะเริ่มต้นวันทำงานด้วยการสวดมนต์ภาวนาตามหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนา บทสวดมนต์จะกล่าวถึง ไมตรีจิต ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจดีต่อกัน ความรัก ความปรารถนาดี เสริมสร้างประโยชน์สุขให้แก่เพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย และการวางตัวให้อยู่ในทางสายกลางและความสมดุลแห่งชีวิต
ในปัจจุบันการนวดไทยแพร่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่นที่ โรงเรียนสอนนวดไทย โรงพยาบาล โรงแรม ชายหาด และตามถนนหรือซอยต่างๆ ในกรุงเทพฯ บางแห่งให้บริหารเฉพาะการนวดเพื่อผ่อนคลาย แต่คลินิกบางที่ก็มีการวางมาตรฐานของการบริการไว้สูง และจัดจ้างเฉพาะพนักงานที่มีจบการศึกษาทางด้านการนวดในระดับสูง