ทำไมสิวถึงเป็นๆ หายๆ และมักจะกลับมาเป็นจุดเดิม ไม่เพียงสิวไม่หาย แต่บางครั้งกลับเป็นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม แถมยังทิ้งรอยหลุมสิว รอยแดง รอยดำจากสิวตามมา หลายคนคงคุ้นเคยหรือเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน มลภาวะ อาหาร อารมณ์หรือการพักผ่อน โดยปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว คือ ความมัน สิ่งอุดตัน แบคทีเรียสะสมและการระคายผิว ซึ่งแต่ละปัจจัยนำไปสู่ปัญหาสิวที่แตกต่างกันไป ปัจจัยแรก ความมันส่วนเกิน เกิดจากการที่ต่อมไขมันใต้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินความต้องการของผิวจนเกิดเป็นความมันส่วนเกินบนใบหน้า ทำให้หน้ามันเสี่ยงต่อการอุดตันและเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสิวต่างๆ และปัญหาร่องรูขุมขนกว้างตามมา
ปัจจัยที่ 2 คือ สิ่งอุดตันที่มาจากหลายสาเหตุ ทั้งความมันสะสมในร่องรูขุมขนรวมตัวกับสิ่งสกปรก การทำความสะอาดผิวไม่ดีพอ ไปจนถึงเซลล์ผิวเก่าที่ไม่ผลัดออกเนื่องจากความผิดปกติในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งยังผลให้เกิดสิวอุดตันทั้งชนิดหัวขาวและดำ
ปัจจัยที่ 3 คือ แบคทีเรียสะสมซึ่งเกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่า P.acne จนทำให้เกิดสิวอักเสบ สิวหัวหนอง ที่มีส่วนในการทำให้เกิดรอยสิว รอยแดง รอยดำบนใบหน้าหลังสิวหาย ซึ่งใช้เวลาในการรักษานาน และปัจจัยสุดท้าย การระคายผิวจากสารระคายเคืองในผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือการตกค้างของสารจากเครื่องสำอางที่นำไปสู่การอักเสบใต้ผิวจนบวมแดง จนเกิดรอยสิว รอยแดง รอยดำ และทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนกระจ่างใส
ควรรักษาที่ต้นเหตุของการเกิดสิวคือต้องดูแลให้หน้าให้ถูกต้องล้างหน้าให้สะอาดอย่าปล่อยให้หน้าสกปรกหรือมีไขมันอุดดันตามรูขุมขนความเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระชับรูขุมขนและควบคุมความมันการรักษาสิวที่ต้องใช้อุปกรณ์ในการขัดหน้าเป็นการรักษาที่ปลายเหตุซึ่งทำให้สิวหายจริงแต่ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมถ้าไม่รักษาที่สาเหตุของสิวจริงๆอีกทั้งการรักษาสิวโดยการขัดหน้าจะมีผลทำให้ใบหน้าบางลงเรื่อยๆซึ่งการที่ใบหน้าบางมากๆจะเกิดการระคายเคืองได้ง่ายและเมื่อสำผัสกับแสงแดดจะทำให้แสบมากกว่าปกติและยิ่งใบหน้ามีความบางมากขึ้นเมื่อโดนแสงแดดมากเกินไปอาจจะเพิ่มอัตราการเกิดฝ้ากระ ต่าง ๆที่เกิดจากแสงแดดได้ง่ายกว่าคนปกติ