ประกันรถยนต์นั้นอาจสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 2 แบบคือประกันรถยนต์ที่บังคับให้ผู้ครอบครองรถยนต์ต้องมีติดไว้กับรถ และแบบที่เจ้าของรถยนต์สามารถพิจารณาซื้อเพิ่มเติมได้ตามสมัครใจต้องการ
ประกันภัยแบบที่บังคับให้ผู้ครอบครองรถยนต์ต้องซื้อเพื่อมีติดไว้กับรถนั้น เป็นข้อบังคับตามกฎหมาย หากฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามแล้วมีการตรวจสอบ พิสูจน์ได้ว่าท่านจงใจหลีกเลี่ยง ไม่ปฏิบัติตาม ท่านจะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษปรับเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 10,000 บาท ทั้งนี้ทั้งนั้น ประกันภัยรถยนต์ที่มีการบังคับให้ผู้ครอบครองรถยนต์ต้องซื้อนี้ยังจำเป็นต้องมีเพื่อนำไปจดทะเบียนรถยนต์และจ่ายภาษีรถยนต์ประจำปีอีกด้วย การที่ท่านไม่มีประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ(หรือ “พรบ.”) จะทำให้ท่านไม่สามารถจดทะเบียนรถยนต์ของท่านได้ และไม่สามารถเสียภาษีประจำปีได้ ซึ่งก็จะนำไปสู่การฝ่าฝืนกฎหมายข้ออื่นๆตามมาได้ อาจจะมีโทษตั้งแต่ปรับเป็นจำนวนเงิน และ/หรือการจำคุกชั่วระยะเวลาหนึ่งได้ การไม่จดทะเบียนรถยนต์จะทำให้ไม่มีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันว่ารถคันใดๆ มีใครเป็นเจ้าของ ท่านก็จะไม่ได้รับสิทธิที่ควรจะได้รับจากความเป็นเจ้าของรถอย่างเป็นทางการ เมื่อเกิดปัญหากับรถยนต์คันนั้นๆก็จะไม่มีหลักฐานสำคัญจากส่วนกลางมายืนยันสถานะความเป็นเจ้าของได้ เมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น ก็จะมีปัญหาตามมามากมายจากการละเลยการนำรถไปลงทะเบียนกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง(กรมการขนส่งทางบก) การไม่ชำระภาษีรถยนต์ประจำปีมีค่าเท่ากับการหลบเลี่ยงภาษีอย่างผิดกฎหมายมีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อมีการตรวจสอบ พิสูจน์ทราบแล้วท่านอาจจะต้องชำระภาษีย้อนหลังพร้อมภาษีเพิ่มเติมและค่าปรับ อาจมีโทษทางกฎหมายอื่นๆเพิ่มเติมอีกด้วย จะเห็นได้ว่าการละเลยเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนั้นจะนำพาปัญหาต่างๆมากมายมายังตัวคุณเอง(ส่งผลกระทบทางอ้อมแก่ครอบครัวอีกด้วย) ทั้งการเสียค่าปรับต่างๆและโทษทัณฑ์ทางกฎหมายอื่นๆ ทั้งๆที่ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนั้นมีราคาไม่เกิน 1,000 บาท ผลกระทบที่ตามมานั้นมันช่างได้ไม่คุ้มเสียที่จะละเลยการซื้อหาประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับให้มีไว้ในครอบครอง ไว้ในรถยนต์
ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนี้ให้ความคุ้มครองชีวิตและร่างกายของบุคคลที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้น คุ้มครองทั้งฝ่ายผู้กระทำและฝ่ายผู้ถูกกระทำ หากได้รับบาดเจ็บใดๆเงื่อนไขการคุ้มครองต่างๆนั้นมีเหมือนกันเป็นมาตรฐาน ราคาของประกันอุบัติเหตุและวงเงินค่าคุ้มครองสูงสุดอาจจะมีความแตกต่างๆกันตามที่บริษัทธุรกิจให้บริการประกันภัยรถยนต์จะกำหนดแต่ก็มีมาตรฐานที่กำหนดออกมา ทำให้ราคาต่างๆที่กล่าวไปแม้ว่าอาจจะมีความเหลื่อมล้ำกันไปบ้างแต่ก็มีเพียงเล็กน้อย